เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2562 นางวนิดา ทิพย์ศักดิ์ พาณิชย์ จ.เชียงราย นางณัฐพร มหาไพบูลย์ พาณิชย์ จ.อุตรดิตถ์ นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานบิสคลับ ประเทศไทย และ ดร.อนุรัตน์ อินทร ประธานหอการค้า จ.เชียงราย ร่วมกันแถลงข่าวการเตรียมความพร้อมการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้า “ตลาดนัดชายแดนภาคเหนือ” ที่ห้องประชุมเชียงรุ้ง โรงแรมเวียงอินทร์ อ.เมืองจ.เชียงราย โดยมีกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 31 ก.ค.-4 ส.ค.2562 ณ สนามฝึกยุววรรณ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
โดยภายในงานจะมีการคัดสรรสินค้าคุณภาพจากเครือข่ายพาณิชย์จาก 17 จังหวัดภาคเหนือไปจัดแสดงรวมทั้งมีกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการค้า การลงทุนและการตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยงานจัดตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.เพื่อรองรับการปิดด่านพรมแดนไทย-เมียนมา เวลา 21.00 น.พร้อมทั้งมีเวทีแสดงดนตรี ศิลปวัฒนธรรมและมินิคอนเสิร์ตตลอดงานทั้ง 5 วัน โดยมีศิลปินดังมาร่วมงาน อาทิเช่น เท่ห์ อุเทน,หญิง ธิติกานต์,กบ ทรงสิทธิ์,อี๊ด ฟุตบาท ฯลฯ.
นางวนิดา กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวกระทรวงพาณิชย์และเครือข่ายธุรกิจบิสคลับ ประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการ 17 จังหวัดภาคเหนือ ให้สามารถขยายการค้าไปสู่ระดับชายแดนได้ รวมทั้งสร้างเครือข่ายทางธุรกิจของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือเองด้วย โดยภายในงานมีการจัดวางจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์คุณภาพของผู้ประกอบการ ธุรกินขนาดกลางและย่อม หรือ เอสเอ็มอี และผู้ประกอบการค้าชายแดนในกลุ่ม 17 จังหวัดจำนวน 150 ร้าน รวมทั้งร้านค้าจากผู้ประกอบการจากประเทศเมียนมาและ สปป.ลาว อีกจำนวน 15 ร้าน รวมทั้งหมด 165 ร้าน โดยสินค้าต่างๆ ล้วนมีการคัดสรรสินที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานรวมทั้งชนะเลิศระดับต่างๆ เช่น ข้าวหอมมะลิจาก อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา ที่พึ่งชนะเลิศในปี 2562
“มีการประชุมทางธุรกิจหรือบิสเน็สแมช ชิ่งระหว่างผู้ประกอบการไทยกับทางผู้ประกอบการจากประเทศเมียนมา และ สปป.ลาว ซึ่งจะเดินทางไปร่วมจำนวน 20 กว่าราย หลังจากก่อนหน้านี้ได้เคยประชุมกับ 6 แขวงของ สปป.ลาว มาแล้ว 2 ครั้ง และครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ที่จะได้แลกเปลี่ยนกันด้วย ทั้งนี้ปัจจุบันประเทศไทยมีมูลค่าการค้าชายแดนในปี 2561 มูลค่ารวม 1,392,629 ล้านบาท และในปีนี้ก็จึงตั้งเป้าให้ถึงระดับ 1.6 ล้านล้านบาทหรือ 15% ซึ่งการจัดงานเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนโดยหน่วยงานของรัฐเป็นตัวแทนในการเปิดโอกาสให้สินค้าของประกอบการจาก 17 จังหวัดภาคเหนือด้วย” นางวนิดา กล่าว
นางณัฐพร กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนของภาคเหนือตอนล่าง 1 และ 2 จะมีการคัดสรรสินค้าคุณภาพดีจากจังหวัดต่างๆ ไปร่วมกิจกรรมมากมายโดยเฉพาะกลุ่มจังหวัดทั้ง 2 กลุ่มนี้มียุทธศาสตร์การเป็นระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เชื่อมแขวงไชยะบุรี สปป.ลาว-ด่านภูดู่-แม่สอด-รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา โดยมีสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์มากมาย เช่น ผลิตภัณฑ์จากเหล็กน้ำพี้ที่มีชื่อเสีง ขนมเทียนเสวย เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เครื่องเงินสุโขทัย ทุเรียนหลงหลิน ฯลฯ
ดร.อนุรัตน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบการมักพบปัญหาการผลิตสินค้าได้แต่ไม่มีตลาดขายโดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ ดังนั้นการจัดงานลักษณะนี้จึงสามารถช่วยได้มากทั้งในแง่ของการค้าขายกันภายใน 17 จังหวัดและประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะตลาดในประเทศเมียนมา ทางหอการค้า จ.เชียงราย พึ่งเดินทางไปเยือน พบว่าสินค้าตามศูนย์การค้าส่วนใหญ่จะจำหน่ายสินค้าไทยหลากหลาย และด่านการค้าระหว่างมูเซ รัฐฉาน กับประเทศจีน ก็มีมูลค่าการค้ากว่า 75% ของการค้าชายแดนทั้งหมดของเมียนมา ซึ่งหอการค้า จ.เชียงราย เองก็มีข้อตกลงความร่วมมือพัฒนาการค้าการลงทุนหรือเอ็มโอยูกับเมืองมูเซอ ตองจี ท่าขี้เหล็ก และเชียงตุง ของรัฐฉาน ทำให้จะได้มีการเชิญชวนให้มาร่วมงานดังกล่าวด้วย
นายพัฒนา กล่าวว่า บิสคลับมุ่งพัฒนาการขายสินค้าของกลุ่มเอสเอ็มอีจากเดิมที่ใช้ระบบออฟไลน์หรือวางจำหน่ายโดยตรง ก็เพิ่มระบบออนไลน์โดยมีการคัดสรรสินค้าจากผู้ประกอบการที่ผ่านคณะกรรมการคัดเลือกแล้วนำเสนอในออนไลน์หรือแพลตฟอร์ม โดยจะเปิดตัวในวันที่ 29 ก.ค.2562 โดยเรามีสินค้า 5 กลุ่มคือกลุ่มอาหารและเครื่องปรุงรส กลุ่มเครื่องสำอาง กลุ่มข้าว กลุ่มกาแฟ และกลุ่มเกษตรอินทรีย์ และทางบีสคลับก็จะเอ็มโอยูกับผู้ประกอบการเมียนมาและ สปป.ลาว ด้วย ซึ่งเวทีที่ อ.แม่สาย ครั้งนี้ก็จะมีความต่อเนื่องไปจนถึงการชักชวนให้ประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศเมียนมา และแขวงต่างๆ ใน สปป.ลาว ให้เข้าสู่แพลตฟอร์มร่วมกันเพราะตลาดปัจจุบันต้องอาศัยออนไลน์ที่สามารถร่วมกันจำหน่ายสินค้าไปได้ทั่วโลก.